ซน ฮึง มิน เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ปี 1992 ณ เมือง กังวอน ประเทศเกาหลีใต้ เจ้าตัวเติบโตมากับการเล่นฟุตบอลโดยมีผู้เป็นพ่อ
อย่าง ซน อึงจอง ที่มีดีกรีเป็นถึงอดีตนักฟุตบอลทีมชาติคอยฝึกสอนเคี่ยวเข็ญอย่างเข้มงวด เพื่อให้เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่สมบูรณ์แบบ ซน ฮึง มิน เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับอะคาเดมี่ของสโมสร เอฟซี โซล ทีมในระดับ เคลีก1 ของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะผ่านการคัดเลือกโปรเจคต์ Korean FA Youth Project และย้ายไปร่วมทีมกับเยาวชนของ ฮัมบูร์ก สโมสรชื่อดังจากบุนเดสลีกา เยอรมัน ตั้งแต่อายุ 16 ปี ซน พัฒนาฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมเยาวชน จนได้รับสัญญาเป็นนักเตะอาชีพครั้งแรกตั้งแต่อายุ 18 ปี พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของฮัมบูร์กที่ยิงประตูได้ในบุนเดสลีกาด้วยวัยเพียง 18 ปี 3 เดือน 22 วัน ตลอดระยะเวลา 3 ปี ซน ฮึง มิน ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักสำคัญของทีมและลงสนามไปทั้งหมด 73 นัด ยิงไป 20 ประตู ก่อนจะเป็น ทีมร่วมลีก อย่าง เลเวอร์คูเซ่น กระชากตัวเขาไปร่วมทีมในฤดูกาลถัดไปด้วยค่าตัวประมาณ 10 ล้านยูโร
ซน ฮึง มิน ย้ายมาร่วมทัพ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยสัญญา 5ปี ในช่วงปรีซีซั่น ตี๋ซน ปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว เขาประเดิมประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อใหม่ได้สำเร็จ ต่อมาเขายังคงทำผลงานได้อย่างหน้าทึ่งด้วยการทำแฮตทริคแรกของตัวเองและยังพาทีมชนะต้นสังกัดเก่าอย่าง ฮัมบูร์ก ไปด้วยสกอร์ 5-3 เพียงแค่ฤดูกาลแรก ซน ฮึง มิน เป็นส่วนสำคัญในการพาทีม นายห้างขายยา จบอันดับ 4 ผ่านเข้าไปเล่น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ ด้วยการทำไปได้ 12 ประตู จากการลงไป 43 นัด หลังจากนั้นชื่อของเขาก็เริ่มดังกระฉ่อนไปทั่วยุโรป ถัดมาในฤดูกาล 2014-2015 เขากลายเป็นกำลังหลักของทีมแบบปฏิเสธไม่ได้ เขาลงสนามไปทั้งหมด 87 เกม ทำไปได้ 29 ประตู รวมทุกรายการ ก่อนจะถูกทีมท็อปซิกซ์ของพรีเมียร์ลีกอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซื้อตัวไปล่าตาข่ายในฤดูกาลถัดไป
ซน ฮึง มิน ย้ายมาร่วมทัพ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร ทำให้เขากลายเป็นนักเตะเอเชียที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ แซงหน้ารุ่นพี่อย่าง ฮิเดโตชิ นากาตะ ที่ทำไว้ 25 ล้านยูโร เมื่อปี 2001 ในฤดูกาลแรก ซน รับบทเป็นซูเปอร์ซับสะส่วนใหญ่ เพราะยังคงต้องใช่เวลาในการปรับตัวบ้างเล็กน้อย และทำไปได้ทั่งหมด 8 ประตู ถัดมาในฤดูกาล 2016-2017 เขาเริ่มยกระดับฝีเท้าของตัวเองและปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการซัดไปทั่งหมด 21 ประตู จาก 47 เกม รวมทุกรายการ ต่อมา ซน ยังคงโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่อง และเป็นกำลังหลักสำคัญในแดนหน้าให้ทัพไก่เดือยทองมาโดยตลอด การันตีจากการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสเปอร์สองฤดูกาลติด และเป็นนักเตะเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลดาวซัลโว จาการซัดไป 23 ประตู ในฤดูกาล 2021-2022 อีกด้วย
สำหรับผลงานของ ซน ฮึง มิน ในนามทีมชาติ เขาลงเล่นนัดแรกอย่างเป็นทางการในฐานะทีมชาติชุดใหญ่เมื่อเดือนธันวาคม 2010 ในขณะเจ้าตัวมีอายุเพียงแค่ 18 ปี ซน มีส่วนร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศ บราซิล แต่ในครั้งนี้ ทีมชาติเกาหลีใต้ ตกรอบแรกแบบไม่เป็นท่า ถัดมาในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เขาพาทัพโสมขาวพลิกล็อคชนะทีมชาติเยอรมัน ไป2-0 ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องผิดหวังซ้ำสอง ตกรอบแรกไปอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ซน เป็นหนึ่งในโควต้าอายุเกินที่ไปได้ไปลุยศึก โอลิมปิก 2016 ในรายการนี้ ซน พาทีมชาติเกาหลีใต้ไปได้ถึงรอบ8ทีมสุดท้ายก่อนจะพ่ายให้กับ ฮอนดูรัส 1-0 ไปแบบน่าเสียดาย ส่วนผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาก็คงนี้ไม่พ้น เอเชียนเกมส์ ปี 2018 ที่อินโดนีเชีย ซน สามารถพาทีมชาติเกาหลีใต้ คว้าเหรียญทอง ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นไป 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ไปแบบสุดมัน สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่จะถึงนี้ เราคงต้องติดตามกันว่า ซน อึง มิน จะทำผลงานออกมาได้ดีแค่ไหนกัน
ซน ฮึง มิน กับความสำเร็จที่ก้าวกระโดด โดยมีพ่อที่วางเส้นทางชีวิต และกฎเหล็กที่เข้มงวด พ่อของเขาเริ่มสอนพื้นฐานเรื่องฟุตบอลให้เขาตั้งแต่ 10 ขวบ เขาต้องเดาะบอลเป็นเวลา 40 นาที ฝึกยิงประตูด้วยเท้าทั้งสองข้างเป็นพันครั้ง ต่อด้วยกระโดดเชือกอีกเป็นพัน เป็นเวลา 6 ชั่วโมงต่อวัน นานนับหลายปี ต้องบอกเลยว่าถือเป็นการฝึกที่โหดร้ายและหนักสำหรับเด็กในวัยนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ซน แสดงให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่พ่อเขาฝึกฝนเขาในวันนั้นทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ถึงทุกวันนี้