เควิน เดอ บรอยน์ เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1991 ณ เมืองดรองเกน ในนครเกนต์ ประเทศเบลเยียม เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 6 ขวบ กับทีมเยาวชนของสโมสรดรองเกน ทีมในบ้านเกิด ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมกับสโมสรเกนต์ ทีมในดิวิชั่น 1 ของลีกเบลเยียม เมื่อ เดอ บรอยน์ อายุได้ 14 ปี เขาติดสินใจออกเดินทางอีกครั้งด้วยการย้ายไปสู่สโมสรเกงค์ ทีมในลีกสูงสุดของเบลเยียม เขาพัฒนาฝีเท้าของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว จากฐานะตัวสำรอง จนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมได้สำเร็จ ต่อมาในฤดูกาล 2010–2011 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ หลังเจ้าตัวระเบิดฟอร์ม ด้วยการพาทีมต้นสังกัดอย่างเกงค์ คว้าแชมป์ได้ในหลายๆ ทัวร์นาเมนต์ หลังจากประสบความสำเร็จมากมายในถิ่น ลูมินัส อารีนา เดอ บรอยน์ ตัดสินใจออกเดินทางทำตามความฝันอีกครั้ง ด้วยการย้ายไปร่วมทีมกับเชลซีหลังจบฤดูกาล 2011-2012
เชลซีประกาศคว้าตัว เดอ บรอยน์ มาร่วมทัพด้วยค่าตัว 6.7 ล้านปอนด์ เขาลงประเดิมสนามให้กับทัพสิงห์บลูส์ ในเกมปรีซีซั่นก่อนเปิดฤดูกาล 2012 แต่ทว่าตอนนั้น เดอ บรอยน์ เป็นเพียงแค่แข้งดาวรุ่ง บวกกับกองกลางของ เชลซี ที่ยังอัดแน่นไปด้วยผู้เล่นระดับแถวหน้าของลีก ทำให้เขาถูกปล่อยยืมตัวให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน ไปใช้งานเต็มๆ หนึ่งฤดูกาล หลังจบฤดูกาล 2012–2013 เขากลับมาที่เชลซี และหวังว่าจะมีพื้นที่ให้เขาลงอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วไม่เป็นดั่งหวัง เขาไม่รับโอกาสในการลงเล่นเท่าที่ควร จนในเลกที่ 2 ของฤดูกาล 2013-2014 เขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมกับโวล์ฟบวร์กในบุนเดสลีก้าเยอรมัน หลังจากนั้นเพียง 1 ปี ชีวิตเขาพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เดอ บรอยน์ แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ด้วยการผงาดไปคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของบุนเดสลีก้ามาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่แล้วในปี 2016 แมนฯ ซิตี้ ทุ่มเงิน 55 ล้านปอนด์ ซื้อตัวเขากลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
การกลับมาพิสูจน์ฝีเท้าในอังกฤษอีกครั้ง กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดอ บรอยน์ ถูกตั้งคำถามจากแฟนบอลเรื่อใบสีฟ้าอยู่ตลอดว่า มันคุ้มกับค่าตัวหรือไม่ แต่ด้วยความมุ่มมั่นของเขา เดอ บรอยน์ ใช่ผลงานในฤดูกาลแรกของเขาเป็นเครื่องการันตี เขาทำผลงานได้อย่างร้อนแรง ด้วยการยิงไป 16 ประตู กับอีก 13 แอสซิสต์ ความคลั่งไคล้ในฟุตบอลของเขา ทำให้เขาพัฒนากลายเป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดในโลก ตั้งแต่ฤดูกาล 2016 จนถึง ฤดูกาล 2022 เดอ บรอยน์ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในแดนกลางของ แมนฯ ซิตี้ อย่างเต็มตัว บวกกับการประสานงานที่ลงตัวกับเพื่อนร่วมทีมและยอดโค้ชอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำให้เขาสามารถพาทีมไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 4 สมัย พร้อมกับรับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปีได้ถึง 2 ปีติดต่อกัน ซึ่งเวลานี้เรียกได้ว่าผลงานของเขากำลังพุ่งทะยานไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง แต่อย่างก็ตามต้องมาดูกันว่าในฤดูกาล 2022–2023 ดาวเตะทีมชาติเบลเยียมคนนี้ จะพาต้นสังกัดอย่าง แมนฯ ซิตี้ ไปคว้าแชมป์ได้มากน้อยแค่ไหน
เดอ บรอยน์ ติดทีมชาติเบลเยียมมาตั้งแต่ชุดเยาวชน 18 ปี , 19 ปี และ 21 ปี และจากฝีเท้าอันยอดเยี่ยม และเก่งเกินวัย ทำให้เขาถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ ตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 19 ปี ต่อมา เดอ บรอยน์ ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2010 ในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติฟินแลนด์ และเขายังเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมชาติเบลเยียมผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2014 หลังจากห่างหายไปนานกว่า 12 ปี สำหรับผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขา คงจะนี้ไม่พ้นการพาทีมเบลเยียม ไปคว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลกปี 2018 ด้วยการเอาชนะทีมชาติอังกฤษไปสุดมัน สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ เราคงได้เห็นเขาเป็นกำลังหลักให้กับทัพ ปีศาจแดงแห่งยุโรป ไปไล่ล่าแชมป์อย่างแน่นอน
แชมป์เบลเยียมเฟิสต์ดิวิชั่น : 2010–2011
แชมป์เบลเยียมคัพ : 2008–2009
แชมป์เบลเยียมซูเปอร์คัพ : 2011
แชมป์เดเอฟเบ โพคาล : 2014–2015
แชมป์เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ : 2015
แชมป์พรีเมียร์ลีก : 2017–2018 , 2018–2019 , 2020-2021, 2021–2022
แชมป์เอฟเอคัพ : 2018 –2019
แชมป์อีเอฟแอลคัพ : 2015–2016 , 2017–2018 , 2018–2019 , 2019–2020 , 2020–2021
แชมป์เอฟเอ คอมมิวนิตี้ชีลด์ : 2019
อันดับ 3 ฟุตบอลโลก : 2018
นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมบุนเดสลีกา : 2012–2013
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของบุนเดสลีกา : 2014–2015
ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของบุนเดสลีกา : 2014–2015
ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของยูฟ่ายูโรปาลีก : 2014–2015
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมนี : 2015
ฝรั่งเศส ฟุตบอล เวิลด์ XI : 2015
นักกีฬาชาวเบลเยียมแห่งปี : 2015
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 2015–2016 , 2017–2018
ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี FIFA FIFPro World XI ทีม 3 : 2016
ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี FIFA FIFPro World XI ทีม 2 : 2018
ทีมนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปีปฏิทิน : 2017
ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า : 2017
ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ : 2017–2018
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งพรีเมียร์ลีก : 2017–2018
ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : 2017–2018 , 2018 –2019
ดรีมทีมฟุตบอลโลก : 2018
ในปี 2013 จากข่าวที่เคยเป็นกระแสระหว่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ ธิโบต์ กูร์กตัวส์ นั้นบาดหมางกันเรื่องผู้หญิง ทำให้แคมป์ทีมชาติเบลเยียมระส่ำไปพักใหญ่ๆ โดยทั้ง 2 คน เป็นกำลังหลักในนามทีมชาติ ต้องมีเกมนัดสำคัญที่จะพบกับทีมชาติเซอร์เบียและทีมชาติสกอตแลนด์ เพื่อการันตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอล 2014 ที่ประเทศบราซิล โดยสำนักข่าวในเบลเยียมรายงานว่า ก่อนเกมผู้จัดการทีมชาติเบลเยี่ยมได้เข้าพูดคุยกับ เควิน เดอ บรอยน์ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่าอยากให้เขาตัดชื่อของ กูร์กตัวส์ ออกจากแคมป์ทีมชาติหรือไม่ ถ้านายต้องการก็บอกกับฉันมาได้เลย แต่ เดอ บรอยน์ เลือกที่จะปฏิเสธ เพราะเขาให้ความสำคัญกับทีมชาติมากกว่าเรื่องส่วนตัว สุดท้ายทีมชาติเบลเยียมผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ได้สำเร็จ และเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงไปแบบเงียบๆ โดยปัจจุบันทั้ง 3 คน ต่างไปมีครอบครัวและใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง